Life is like a Journey General มอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละชนิด ใช้งานอย่างไร

มอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละชนิด ใช้งานอย่างไร


มอเตอร์ไฟฟ้า

มอเตอร์ คืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญในชีวิตประจำวันและมีอยู่รอบตัวเรา เช่นพัดลมในบ้าน รถบังคับของเด็ก ล้วนเป็นแต่มี มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น แต่มอเตอร์ไม่ได้มีแค่นั้น ยังมีมอเตอร์อีกหลายประเภททั้งและมีขนาดใหญ่กว่านั้นอีกมาก โดยจะใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หรืองานประเภทอื่น นับว่ามอเตอร์มีประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว 

แต่ก่อนอื่นอยากจะให้ทุกคนได้รู้กับมอเตอร์แต่ละประเภทก่อน ว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และแต่ชนิดเหมาะกับการใช้งานแบบไหน เผื่อวันหนึ่งคุณอาจจำเป็นต้องเลือกมอเตอร์มาใช้งานเอง จะได้เลือกถูกว่ามอเตอร์แบบไหนเหมาะกับการใช้งานของเรา 

ประเภทของมอเตอร์ไฟฟ้า 

มอเตอร์ที่มีใช้งานทั่วไป ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงมอเตอร์ขนาดใหญ่ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ ดังต่อไปนี้คือ 

1. AC Motor 

เป็นมอเตอร์ที่ใช้กับไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อยดังนี้คือ 

  • มอเตอร์เหนี่ยวนำ หรือเรียกอีกอย่างว่า อะซิงโครนัสมอเตอร์ คือมอเตอร์ที่ไม่ได้หมุนด้วยความเร็วคงที่  
  • ซิงโครนัสมอเตอร์ คือมอเตอร์ที่เคลื่อนที่ด้วยอัตราคงที่ ตามแรงดันไฟฟ้าและความถี่ที่จ่ายให้จากไฟฟ้ากระแสสลับ 
  • มอเตอร์อุตสาหกรรม คือเตอร์ที่ใช้กับงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ มีแรงดันมากกว่ามอเตอร์ไฟฟ้าทั่วไป คือใช้แรงดันฟ้า 380 โวลต์ 

2.Servo Motor 

เป็นมอเตอร์ที่ใช้ในการควบคุมการทำงาน แต่ไม่ต้องอาศัยความแม่นยำของตำแหน่งการหมุนที่สูงมาก มีทั้งแบบชนิด AC Servo และ DC Servo มอเตอร์ชนิดนี้พบเห็นได้บ่อยในของเล่นรถบังคับระยะไกลของเด็ก ในการทำงานของเซอโวมอเตอร์ จะต้องสั่งผ่านตัวควบคุม และส่งไปยังเซอร์โวไดร์ฟก่อน จึงจะใช้งานได้ และจะส่งค่าย้อนกลับมาให้ผู้ใช้ได้รู้ผลการทำงานด้วย 

3.DC Motor  

คือมอเตอร์ที่ใช้กับไฟฟ้ากระแสตรงอย่างเดียว สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทย่อยดังนี้คือ 

  • ชนิดที่มีแปรงถ่าน คือมอเตอร์ที่ไม่ได้มีการผลิตที่ซับซ้อน ราคาไม่สูงมาก นิยมใช้กับของเล่นเด็ก มีราคาที่ถูก แต่มีข้อเสียก็คือต้องเปลี่ยนแปรงถ่านอยู่บ่อยๆ เพราะความสึกหรอจากการใช้งาน 
  • ชนิดที่ไม่มีแปรงถ่าน มอเตอร์ไฟฟ้า ชนิดนี้จะใช้ชุดขดลวดถาวรเข้ามาแทนที เพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงกว่า มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูง ไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อยเหมือนกันชนิดที่มีแปรงถ่าน เสียงรบกวนน้อย แต่ราคาค่อนข้างสูง เพราะกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่า 

4.Vibration Motor 

เป็นมอเตอร์ชนิดแบบสั่น เราจะเห็นได้บ่อยและมีอยู่รอบตัวเราทั้งนั้น แต่บางคนอาจจะไม่รู้ อย่างเช่นระบบสั่นของโทรศัพท์มือถือ หรือสัญญาณสำหรับแจ้งเตือนในห้องพัก หรือในอาคารสถานที่ ก็จะใช้มอเตอร์แบบสั่นเข้ามาเป็นส่วนประกอบหลักเช่นกัน 

5.สเตปปิ้งมอเตอร์  

เป็นมอเตอร์ที่มีความแม่นยำในการทำงานสูง โดยจะใช้สัญญาณพัลส์เข้ามาควบคุมการทำงาน นิยมใช้ในงานที่ต้องการความผิดพลาดน้อย เช่น การทำงานของเครื่องพิมพ์ เครื่องตัด ที่จะให้ผิดพลาดไม่ได้ โดยในการใช้งานจะทำผ่านสัญญาณพัลส์ และส่งไปยังตัวไดรฟ์ 

ทั้งหมดนี้คือ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีใช้กันนปัจจุบัน จะเห็นว่าแม้จะเป็นมอเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่จุดประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นการเลือกมอเตอร์ที่ดี ต้องเลือกให้ตรงกับลักษณะงาน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด